วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2561

แอลกอฮอล์ สุรา

ประเภทและชนิดของสุรา

การแบ่งประเภทของสุราสามารถแบ่งได้ตามกรรมวิธีการผลิตได้หลายแบบ แต่โดยหลักแล้วจะทำการแบ่งออกมาได้ 2 แบบ ซึ้งแต่ละแบบ จะแยกย่อยอกมาได้อีกหลายชนิดคือ

1.สุราแช่ หรือหมัก (Fermented beverages) ซึ่งแบ่งออกเป็นชนิด Malt beverages ที่ได้จากการหมักผลิตผลทาง การเกษตร เช่น ธัญพืช หรือผลไม้ต่างๆ เช่น เบียร์ ไวน์ สาเกเป็นต้น

2.สุรากลั่น (Distilled หรือ Spirit beverages) ที่ได้จากการนำสุราแช่ที่ผลิตจากธัญพืช รากพืช ผลผลิตจากน้ำตาล หรือผลไม้ แล้วนำมากลั่น  เช่น วิสกี้ (Whisky) , วอดก้า (Vodka) , รัม (Rum) , บรั่นดี (Brandy), เตกิลา (Tequila

ส่วนชนิดของเหล้าที่เกิดจากรกรรมวิธีในการกลั่น สามารถแยกออกมาได้อีกมามาย แต่หลักๆที่นักดื่มจะนิยมและรู้จักกันดีมีดังนี้
 

คอนยัค (Cognac)




 ซึ่งเป็นบรั่นดีที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก  ซึ่งต้องผลิตจากองุ่นพันธุ์แซง เอมีลียง (Saint-Émilion) ที่ปลูกในแคว้นคอนยัค ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งรวมถึงกระบวนการผลิตก็จะต้องผลิตในคอนยัคเช่นเดียวกัน  คอนยัคบางชนิดจะผ่านการบ่มอันยาวนานถึง 15-25 ปีเลยทีเดียว และจากการบ่มอันยาวนานนี้จะทำให้คอนยัคชนิดนี้มีความจรุงทั้งกลิ่นและรส รวมถึงมีแทนนิน (tannin) สูงที่ได้ไม้โอ๊ค คอนยัคชนิดนี้ยังมีชื่ออื่นๆ อีกเช่น XO (extra old) Extra Vielle Grand Reserve เป็นต้น


blend 285 (เบลนด์ 285)





สุราผสมที่มีกรรมวิธีการผลิตแบบ เบลนเด็ด สกอตช์วิสกี้ โดยมีมอลท์วิสกี้คุณภาพนำเข้าจากประเทศสกอตแลนด์เป็นส่วนผสม โดยเป็นสุราที่ผ่านการกลั่น 2 รอบ (Double Distilled) เพื่อได้แอลกอฮอล์บริสุทธิ์คุณภาพดี และผ่านการบ่มในถังไม้โอ๊ค เพื่อรสชาติที่นุ่ม กลมกล่อม หอมกลิ่นควันจางๆ

Red Label 


Red Label หรือในอดีตชื่อ JW Special Old Highland (เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Red Label ใน ปี 1909) เป็นวิสกี้ตระกูล JW ชนิดเดียว ที่ไม่ได้เป็น Scotch Whisky แท้ 100% หากแต่ว่า JW เน้นไปที่รสชาติของวิสกี้ ที่สามารถปรับให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ มีทั้งความหวาน ความนุ่ม และความเผ็ดร้อนในเวลาเดียวกัน Red Label เป็น Blended Whisky ที่ผ่านการผสมมาจาก Malt และ Blended Whisky 35 ชนิด เป็น JW หนึ่งในไม่กี่ชนิด ที่ผลิตออกมาในขนาดที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกขวดจะมีลักษณะเหมือนกัน คือ ขวดทรงสี่เหลี่ยม และฉลากสีแดงขอบทอง สัญลักษณ์เด่นอีกอย่าง คือ ไสตรดิ้งแมน หรือกล่องของ Red Label ที่สามารถนำมาเรียงต่อกันกลายเป็นฉลาก Red Label ขนาดใหญ่ได้ ข้อแนะนำในการดื่ม Red Label สำหรับการดื่ม Red Label นั้น ไม่มีวิธีการดื่มที่แนะนำตายตัวมาจาก JW สามารถดื่มผสมกับอะไรก็ได้ กินเพียวก็ได้ หรือจะนำไปทำค๊อกเทลก็ยังได้ บวกด้วยเรื่องของราคา ทำให้ Red Label เป็นเหล้าที่ขายดี

Black Label 




ป็น Blended Whisky อายุ 12 ปี เป็นวิสกี้ Johnnie Walker ที่เก่าแก่ที่สุด โดยวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 1865 ในชื่อของ Walker’s Old Highland ก่อนจะมาใช้ชื่อ Extra Special Old Highland ในปี 1906-1908 และสุดท้ายในปี 1909 ก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Black Label จนถึงทุกวันนี้ ลักษณะเด่นของ Black คือ กลิ่นหอม รมควันถ่านพีท กลิ่นขิงวานิลลา และกลิ่นผลไม้อย่างลูกแพร และแอปเปิ้ล และส่วนผสมจากเกรนและมอลท์ วิสกี้กว่า 40 ชนิด ผสมผสานออกมาเป็น JW Black Label ใน ปัจจุบัน วิธีการดื่ม JW Black Label ที่ดีที่สุด จำกันเอาไว้นะครับ Black จะ ต้องดื่มโดยผสมกับน้ำและน้ำแข็ง เพื่อที่จะทำให้ได้กลิ่นของบุหรี่แห้ง กลิ่นของวานิลลา และกลิ่นของผลไม้ที่จะอบอวลขึ้นมาหลังจากได้สัมผัสกับน้ำ การผสมน้ำจะทำให้ได้รสของวิสกี้ที่ Strong ขึ้น

Blue Label



นี่คือ การผสมผสานของเกรนวิสกี้ และมอลท์วิสกี้ จำนวน 16 ชนิด ที่ต้องบอกว่า แพงที่สุดในโลก เพราะอะไรนั่นหรือ เพราะในจำนวน 16 ชนิดดังกล่าว มีบางชนิดที่ผ่านการหมักบ่มมากว่า 60 ปี และที่สำคัญ ในจำนวนวิสกี้ 1 ล้านถัง ที่ดิอาจิโอทำการผลิตจะมีเพียง 1 หรือ 2 ถัง เท่านั้น ที่นำมาเป็นส่วนผสมของ Blue Label ทุกขวดจะมี หมายเลขกำกับ เพื่อแสดงถึงจำนวนที่ผลิตว่า หาได้ยากยิ่งขนาดไหน Blue ขวดนี้ จะมีจุกขวดที่ทำจากไม้ก๊อก หุ้มตะกั่วสีทอง มีกล่องบรรจุใส่เป็นสีน้ำเงินและทอง บุภายในด้วยผ้าซาตินอย่างดี การดื่ม จำไว้ว่า ใครอยู่ตรวจบัตรได้ดื่ม Blue แล้ว อย่าเอาไปผสมมิกเซอร์ให้คนเขาด่าในใจว่า ไอ้โง่ นะครับ ผมยังด่าในใจเลย เหอะๆๆๆ การดื่มที่ดีที่สุด แน่นอนครับ วิสกี้ระดับนี้ จะต้องเป็นการดื่มแบบจิบวิสกี้ โดยไม่เติมอะไร หรือภาษาบ้านๆ ก็เรียกว่า ดื่มกันเพียวๆ นี่แล่ะครับ เจ้าของ JW บอกมาว่า จะให้ดี ควรจะอมน้ำแข็งให้เกิดความเย็นในปาก เมื่อน้ำแข็งละลายหมด จึงค่อยจิบ Blue เข้าไป จะได้รับรสชาติที่ดีที่สุด แล้วจะได้รู้ว่า วิสกี้ที่ว่ากันว่า ล้ำลึกที่สุดในโลก รสชาติเป็นเช่นใด

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น